“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์-เผย ‘ฟ้าทะลายโจร’ ฆ่าไวรัสได้โดยตรงในหลอดทดลอง“
ลิงค์: https://ehenx.com/6942/ หรือ
เรื่อง:
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์-เผย ‘ฟ้าทะลายโจร’ ฆ่าไวรัสได้โดยตรงในหลอดทดลอง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย ‘ฟ้าทะลายโจร’ ฆ่าไวรัสได้โดยตรงในหลอดทดลอง เภสัชกรแนะอย่าทานแบบหวังผล ทั้งที่ยังไม่มีอาการ
เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์สำคัญ 4 อย่าง คือ 1.ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน 2.ฤทธิ์ต้านไวรัส 3.ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และ 4.ฤทธิ์ลดไข้ ทั้งนี้ เมื่อ 10 ปีก่อนเมื่อครั้งที่โคโรนาไวรัสซาร์สระบาด ประเทศจีนมีการศึกษาวิจัยพบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถต้านไวรัสโคโรนาไวรัสซาร์สได้ ล่าสุด จีนได้พัฒนาฟ้าทะลายโจรเป็นยาฉีด ตำรับร่วมรักษาโควิด-19 สำหรับไทยเองกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำการศึกษาวิจัยฤทธิ์ฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลองในเดือนที่ผ่านมา ดร.สุภาพร ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการศึกษาวิจัยว่า การจะบอกว่าพืชสมุนไพรทำลายไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่งได้นั้น จำเป็นต้องทราบก่อนว่ากลไกการทำลายไวรัสเป็นอย่าไร ดังนั้น จึงวางแผนการทดลองไว้ 3 การทดลองคือ 1.นำฟ้าทะลายโจรใส่ลงไปในเซลล์เพาะเลี้ยง ซึ่งถือเป็นเซลล์เป้าหมายให้ไวรัสเข้าไปติดเชื้อ จากนั้นเมื่ออบในระยะเวลาหนึ่งได้ใส่ไวรัสเข้าไปในส่วนผสม จากนั้นทำการอบอีกครั้งเพื่อดูว่าเมื่อโดนฟ้าทะลายโจรแล้วสามารถชักนำให้สร้างสารไปยับยั้งการเพิ่มจำนวนไวรัสได้หรือไม่ 2. ถ้านำฟ้าทะลายโจรผสมกับไวรัสโควิด-19 โดยตรง จะดูว่าไวรัสจะเพิ่มจำนวนในเซลล์ได้หรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อดูกลไกของฟ้าทะลายโจรในการฆ่าไวรัสโดยตรง และ 3.นำไวรัสเข้าไปในเซลล์เป้าหมาย หลังจากนั้นใส่อาหารเลี้ยงเซลล์ที่ผสมกับฟ้าทะลายโจรในระดับความเข้มข้นต่างๆ เพื่อดูว่าฟ้าทะลายโจรมีผลยับยั้งไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์หรือไม่ ดร.สุภาพรกล่าวว่า จาก 3 การทดลองดังกล่าวสามารถสรุปได้ว่า การทดลองแรกนั้นพบว่าไวรัสยังสามารถเพิ่มจำนวนได้ หมายความว่า ฟ้าทะลายโจรไม่สามารถชักนำให้เซลล์เพาะเลี้ยงหลั่งสารใดๆ ที่อาจไปยับยั้งไวรัสได้การทดลองที่ 2 พบว่าปริมาณไวรัสลดลงอย่างเห็นได้ชัดโดยเราทำการศึกษาสารสำคัญที่เรียกว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ และอีกชนิดคือสารสกัดที่ขายในท้องตลาดทั่วไป โดยทำการศึกษาคู่กัน กระทั่งเปรียบเทียบได้ชัดเจนว่า ฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งหรือฆ่าไวรัสได้โดยตรงในหลอดทดลอง และการทดลองที่ 3 เนื่องจากไวรัสเข้าไปในเซลล์แล้ว เมื่อเราติดเชื้อแล้ว และกินฟ้าทะลายโจรหรือนำพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเข้าไป พบว่า สามารถยับยั้งไม่ให้เพิ่มจำนวนในเซลล์ได้
การทดลองนี้สามารถสรุปได้ว่า ในการทดลองที่ 3 สามารถตอบโจทย์ได้ว่าฟ้าทะลายโจรมีผลในการยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในเซลล์ ทั้งนี้ การศึกษานี้เป็นการศึกษาในหลอดทดลอง และเป็นการศึกษาเบื้องต้น ดังนั้น หากจะบอกว่ามีผลกับคนไข้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จริง ก็ต้องศึกษาต่อไป” ดร.สุภาพรกล่าว
นพ.ปราโมทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการศึกษาของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำให้ทราบแล้วว่าในหลอดทดลองได้ผล จึงมาคำนวณว่าระดับของยาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่ กรมฯเลยมีแผน 2 เรื่องคือ 1.ศึกษาวิจัยนำร่องผลของยาสารสะกัดฟ้าทะลายโจรขนาดสูง ต่อผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีระดับความรุนแรงน้อย ทั้งนี้ โครงการวิจัยดังกล่าวได้ทำร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โดยการนำผลิตภัณฑ์ยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรจากบริษัทสมุนไพรไทยที่เป็นบริษัทในเครือขององค์การเภสัชกรรมมาศึกษาวิจัย และทำการศึกษาวิจัยในสถานบันบำราษนราดูร ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนในการหาคำตอบ
นพ.ปราโมทย์กล่าวว่า เราศึกษาวิจัยในคนไข้กลุ่มน้อยๆ ประมาณกลุ่มละ 6 คน กลุ่มแรกคือใช้ยาสารสกัดในระดับสูง หรือ 3 เท่าของโดสปกติ หรือประมาณ 180 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งใช้รักษาในคนไข้ที่มีอาการรุนแรงน้อย จากนั้นคณะแพทย์ศิริราชและสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์จะตรวจผลในห้องปฏิบัติการต่อไป ทั้งนี้ เมื่อทำกับกลุ่มแรกและทราบผลแล้วจะทำต่อในกลุ่มที่สอง หรือใช้ประมาณ 5 เท่าของโดสปกติ หรือประมาณ 130 มิลลิกรัม/วัน ก่อนจะดูผลต่อไปว่าคนไข้ที่มีอาการรุนแรงน้อยจะหายหรือไม่ พร้อมกับดูผลในห้องปฏิบัติการด้านชีววัตถุ ความรุนแรงของโรค และอื่นๆ
“ปัจจุบันมีคนหาฟ้าทะลายโจรเยอะมาก จนขาดตลาด และราคาสูงขึ้น เราได้เตรียมพร้อมให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดไว้ 3 ส่วนคือ 1.เกษตรกร ขณะนี้ได้ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร เรื่องการปลูกฟ้าทะลายโจรสำหรับใช้เป็นยาในรูปแบบสารสกัด ตั้งเป้าประมาณ 65 ไร่ ในความต้องการ 50,000 กิโลกรัม สร้างรายได้ให้เกษตรกร 6 ล้านบาท 2.สถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข เตรียมไว้สองส่วนคือ หนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่ทำงานเกี่ยวกับโควิด-19 เตรียมยาไว้ 1 ล้านแคปซูล ต่อบุคลากร 30,000 คน สอง โรงพยาบาลรัฐที่ผ่านมาตรฐาน WHO GMP 44 แห่ง เรามีสต๊อก 9.2 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.9 แสนคน มีกำลังการผลิต 2.6 ล้านแคปซูล/วัน และมีปริมาณวัตถุดิบสามารถผลิตยาได้อีก 7.3 ล้านแคปซูล รองรับผู้ป่วย 1.5 แสนคน เพียงพอต่อการใช้ และ 3.ภาคธุรกิจ ได้จับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างเกษตรกร จำนวน 5 กลุ่ม กับผู้ผลิตยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร จำนวน 6 บริษัท 11 คู่เจรจา มูลค่าการซื้อขายกว่า 500,000 บาท จำนวน 3,100 กิโลกรัมแห้ง พร้อมจัดทำแผนการขยายตลาดต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV” นพ.ปราโมทย์กล่าว
ด้าน ดร.ภญ.อัญชลี จูฑะพุทธิ เภสัชกรเชี่ยวชาญ ที่ปรึกษากรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงข้อแนะนำการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรว่า จากผลการทดลองที่ทราบคงเห็นว่าวิธีการทดสอบวิธีที่ 1 นั้น ฟ้าทะลายโจรไม่มีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลได้ ดังนั้น สิ่งที่อยากสื่อสารคือ ไม่ควรรับประทานฟ้าทะลายโจรเพื่อหวังผลการป้องกันโควิด-19 โดยที่ยังไม่มีอาการ แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการคล้ายหวัด เช่น มีไข้ เจ็บคอ ไอ ปวดเมื่อย ควรกินฟ้าทะลายโจรทันที เพราะจากประสบการณ์ที่หลายคนใช้จะพบว่าทานให้เร็วที่สุดจะดีที่สุด แต่ก็ต้องป้องกันการแพร่เชื้อจากตัวเราไปสู่ผู้อื่นตามที่ สธ.แนะนำ ทั้งนี้ หากกินฟ้าทะลายโจรแล้วอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ให้พบแพทย์
“ฟ้าทะลายโจรควรมีไว้ติดตัว หรือประจำบ้าน ดังนั้น หากช่วงนี้หาไม่ได้ก็อาจปลูกไว้ที่บ้าน แต่ถ้ามีข้อสงสัยให้โทรมาที่ 0-2149-5678 โดยการใช้ยาฟ้าทะลายโจรมีประเด็นคือมี 2 รูปแบบ คือเป็นผงและสารสกัด โดยยาชนิดผง แนะนำให้ทานครั้งละ 4 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ชนิดสารสกัดมี 2 รูปแบบคือ บรรจุ 10 มิลลิกรัม และ 20 มิลลิกรัมต่อแคปซูล โดยแบบ 9-10 มิลลิกรัม แนะนำให้ทานครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ส่วนแบบ 20 มิลลิกรัม แนะนำให้ทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน” ดร.ภญ.อัญชลีกล่าว